ตายแล้วไปไหนชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไรโลกุตตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในบทนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจข้อมูลฐานในเรื่องของโลกุตรภูมิเสียก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกันว่า มีความหมายอย่างไร มีศัพท์อะไรบ้างที่ต้องรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าใจเนื้อหาของบทต่อๆ ไปโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 31. ภูมิของพระโสดาบัน เป็นภูมิลำดับแรกในโลกุตรภูมิ เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ได้ 3 อย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส จะกลับมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ2. ภูมิของพระสกิทาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 2 เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ที่จะกลับมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว ผู้ที่จะเข้าถึงสภาวะของความเป็นพระสกิทาคามี จะต้องผ่านความเป็นพระโสดาบันก่อน พระสกิทาคามี มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ที่พระโสดาบันละได้ และสามารถขจัดสังโยชน์เพิ่มอีก 2 ตัว คือ กามราคะ และปฏิฆะ ให้เบาบางลงได้อีกด้วย3. ภูมิของพระอนาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 3 ของโลกุตรภูมิ ซึ่งจะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามีมาตามลำดับ จึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอนาคามี พระอนาคามีมีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 อย่าง ซึ่งละสังโยชน์ต่อจากพระสกิทาคามีอีก 2 อย่าง คือ กามราคะ และปฏิฆะ ผู้ที่เป็นพระอนาคามี เมื่อละโลกแล้ว จะบังเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสและบรรลุพระอรหันต์บนนั้น ไม่กลับมาเกิดอีก4. ภูมิของพระอรหันต์ เป็นโลกุตรภูมิลำดับสุดท้าย อันเป็นภูมิขั้นสูงสุดของโลกุตรภูมิ เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ การจะเป็นพระอรหันต์จะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นอริยบุคคลทั้ง 3 ขั้นมาตามลำดับ แล้วจึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอรหันต์ได้ คุณวิเศษของพระอรหันต์ คือ นอกจากละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 5 ประการแล้ว ในขั้นนี้สามารถละสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ประการ คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เมื่อละกิเลสได้หมดแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ อันเป็นการทำกิจของการเกิดเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แล้ว เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ อย่างเต็มเปี่ยม เป็นผู้ที่ควรแก่การบูชา และได้ชื่อว่าเป็นทักขิไณยบุคคลโดยแท้ทิพยสมบัติใดๆ ก็ไม่อาจเทียบโลกุตรภูมิได้ในบทความที่ผ่านมาทั้งหลายนั้นท่านได้ทำความเข้าใจในเรื่องปรโลก อันเป็นสถานที่อยู่ของชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายหลังจากละโลกไปแล้ว อันเป็นสถานที่หมู่สัตว์ทั้งหลายจะต้องเวียนว่ายตายเกิด อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น โดยมีมนุษยภูมิเป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างบุญและบาป อบายภูมิเป็นสถานที่รองรับผู้ที่สร้างบาปอกุศลหลังจากละโลกแล้ว เทวภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ เป็นสถานที่รองรับผู้ที่สร้างกุศลหลังจากละโลก แต่ภูมิทั้งหลายเหล่านั้นยังตกอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ ในภูมิที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จัดอยู่ในโลกิยภูมิ คือ ภูมิของปุถุชน ผู้ที่ยังท่องเที่ยวไปในภพ 3 มีทั้งสุขและทุกข์อย่างไม่มีวันที่สิ้นสุดในบทนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจในเรื่องของโลกุตรภูมิ ซึ่งเป็นภูมิของพระอริยบุคคล อันเป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดตามลำดับของการตัดละกิเลส ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน และอันเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ความเข้าใจเบื้องต้นเรื่องโลกุตรภูมิในหัวข้อแรกนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจข้อมูลฐานในเรื่องของโลกุตรภูมิ เสียก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกันว่า มีความหมายอย่างไร มีศัพท์อะไรบ้างที่ต้องรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าใจเนื้อหาของบทต่อไปโลกุตรภูมิ1 คือ ภูมิหรือชั้นที่พ้นจากภพ 3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หมายถึง ระดับจิตของพระอริยบุคคลที่พ้นจากกิเลสโดยเด็ดขาดตามลำดับ และรวมถึงอมตมหานิพพานด้วย ได้แก่ มรรค 4 ผล 4 และนิพพาน 1 หรือเรียกว่า โลกุตรธรรม 9 ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคน จำเป็นต้องรู้อย่างยิ่ง ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้อันตราย ทั้งนี้เพราะเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตอริยบุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษมีโสดาปัตติมรรค มนุษย์หรือเทวดาก็เป็นอริยบุคคลได้ศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโลกุตรภูมิ ที่ต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นมีดังนี้ปุถุชน คือ ผู้ที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส คนที่มีกิเลสมาก หมายถึง คนธรรมดาทั่วไปที่ยังตกอยู่ในอำนาจกิเลส ทั้งโลภะ โทสะ และโมหะ รวมถึงเหล่าเทวดาที่ยังมิได้บรรลุธรรมในขั้นต่างๆ ด้วยอริยบุคคล คือ ผู้ไกลจากกิเลส หรือ บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรค เป็นต้น ไม่ทำบาป อกุศลแม้เพียงเล็กน้อย สามารถสละชีวิตของตนได้เพื่อรักษาคุณธรรมเอาไว้ อีกทั้งมีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ จึงได้รับการขนานนามว่า พระอริยเจ้า และไม่ว่าจะอยู่ในเพศภาวะของบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ เป็นมนุษย์หรือเทวดาก็เป็นพระอริยบุคคลได้เหมือนกันอนุสัย คือ กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดาน มี 7 ประการ คือ1. กามราคะ ความกำหนัดยินดี2. ปฏิฆะ ความหงุดหงิด3. ทิฏฐิ ความเห็นผิด4. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย5. มานะ ความถือตัว6. ภวราคะ ความกำหนัดในภพ7. อวิชชา ความไม่รู้สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ หรือธรรมที่มัดใจสัตว์ไว้กับ ทุกข์ มี 10 ประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการ ได้แก่1. สักกายทิฏฐิ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน2. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย3. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นในศีลพรต4. กามฉันทะ ความพอใจในกามคุณ5. พยาบาท ความคิดแค้นผู้อื่นและอุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ประการ ได้แก่6. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต7. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม8. มานะ ความถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่9. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน10. อวิชชา ความไม่รู้จริงในบทต่อไปที่นผู้อ่านจะได้เรียนรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ ของโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด1 ภูมินานัตตญาณนิทเทส, ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค, มก. เล่ม 68 ข้อ 175 หน้า 812รับชมวิดีโอรายการวิดีโอที่เกี่ยวข้อง
บทความที่เกี่ยวข้องกับโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
โลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
โลกุตรภูมิ คือ ภูมิหรือชั้นที่พ้นจากภพ 3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หมายถึง ระดับจิตของพระอริยบุคคลที่พ้นจากกิเลสโดยเด็ดขาดตามลำดับ และรวมถึงอมตมหานิพพานด้วย
บทความ Articles > ตายแล้วไปไหน Life After Death > โลกุตรภูมิ[ 14 มิ.ย. 2554 ] - [ : 18285 ]
|
Share Facebook |
<< ก่อนหน้า | อรูปพรหมภูมิ ที่อยู่ของพรหมที่ไม่ใช่รูปพรหม | โสดาบันโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน | ถัดไป >> |
|