ตายแล้วไปไหนชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไรความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พระมหาจุฬามณี เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระจุฬาโมลี (มวยผม)ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นบุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทวดาตาวติงสาเทวภูมิ หรือ ที่เราเรียกตามภาษาไทยว่า ดาวดึงส์ เป็นสวรรค์ชั้นที่ 2 ที่จัดอยู่ในกามภพ เป็นปรโลกฝ่ายสุคติภูมิ สวรรค์ชั้นนี้จะเป็นที่รู้จักในหมู่พุทธศาสนิกชนมากที่สุด เพราะมีความสัมพันธ์กับเกี่ยวข้องกับมนุษย์มากอีกชั้นหนึ่ง และที่สำคัญมีผู้ปกครองภพ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ ท้าวสักกะเทวราช หรือพระอินทร์ ซึ่งพระองค์เป็นพุทธศาสนิกชนจากการศึกษาพระไตรปิฎกพบว่า พระอินทร์มีส่วนสำคัญในการปกครองเหล่าทวยเทพของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ให้อยู่อย่างสงบสุข และได้ช่วยเหลือพระบรมโพธิสัตว์อย่างต่อเนื่องตลอดมา หลายภพหลายชาติ จนมีความดีปรากฏให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้เล่าขานสืบต่อกันมายาวนาน ในสวรรค์ชั้นนี้ยังมีเรื่องราวมากมายให้ได้ศึกษา เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสเล่าเรื่องของสวรรค์ชั้นนี้ไว้เป็นจำนวนมากในพระไตรปิฎก รวมถึงเหล่าพระสาวกที่ไปเยี่ยมเยือนเหล่าเทพบุตร เทพธิดา แล้วนำบุพกรรมที่ได้ทิพยสมบัติเหล่านั้นมาเล่าให้เหล่าภิกษุ และสาธุชนได้ฟังอีกด้วยท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เป็นผู้ปกครองภพที่มีชื่อเสียงมากตาวติงสาเทวภูมิ หรือดาวดึงส์ มีความหมาย 2 นัย นัยหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นที่เกิดของบุคคล 33 คน คือ เกิดเป็นพระอินทร์ 1 เกิดเป็นเทวดาผู้เป็นใหญ่อีก 32ส่วนอีกนัยหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นพื้นแผ่นดินที่ปรากฏขึ้นในโลกเป็นครั้งแรกก่อนพื้นดินส่วนอื่น เพราะภูมินี้อยู่บนยอดเขาสิเนรุสรุปว่า ตาวติงสาเทวภูมิ คือ สถานที่อยู่ของเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่ 33 องค์ที่ตั้งและลักษณะของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี้ อย่างที่ทราบข้างต้นแล้วว่า เป็นที่อยู่ของผู้ปกครองภพ 33 องค์ โดยมี ท้าวสักกเทวราช หรือท้าวโกสีย์อัมรินทร์ ซึ่งเรียกกันสั้นๆ ว่า พระอินทร์นี้ หรือบางทีก็เรียก ท้าวสหัสสนัย คือ ท้าวพันตา เพราะจักขุดีมากเห็นได้ชัดเจน และเห็นได้ไกลมาก เท่ากับดวงตาตั้งพันดวง เป็นประธาน มีหน้าที่ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์รวมถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย สวรรค์ชั้นนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสิเนรุ สวรรค์ชั้นนี้ เดิมเป็นที่อยู่ของจอมอสูร แต่เมื่อพระอินทร์ผู้เคยเป็นมฆมาณพ เป็นผู้ประกอบกุศลกรรม พร้อมทั้งชักชวนสหายอีก 32 คนให้ประกอบกุศลกรรมต่างๆ เช่น สร้างศาลา และทำถนนหนทาง เป็นต้น อีกทั้งมฆมาณพได้บำเพ็ญวัตตบท 7 ประการ คือ เลี้ยงดูบิดามารดา เคารพยังยำเกรงต่อผู้เฒ่าผู้แก่ในตระกูล กล่าวถ้อยคำอันไพเราะอ่อนหวาน ไม่กล่าววาจาส่อเสียด ไม่ตระหนี่ ตั้งอยู่ในความสัตย์สุจริต และไม่เป็นคนมักโกรธ ครั้นละโลกแล้ว มฆมาณพพร้อมสหาย ได้เกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และได้ทำสงครามสู้รบกับจอมอสูร จนอสูรพ่ายแพ้ จึงต้องอพยพไปอยู่ใต้เขาพระสุเมรุความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในชั้นดาวดึงส์จะแบ่งออกเป็น 4 ทิศใหญ่ ตรงกลางจะเป็นเมืองที่ประทับของพระอินทร์ และพระสหาย ชื่อ สุทัสสนเทพนคร ซึ่งอยู่เป็นเมืองศูนย์กลางสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเวชยันต์ประสาทเป็นจุด ศูนย์กลาง มีการแบ่งการปกครองออกเป็น 3 เขตใหญ่ เขตแรกอยู่วงในใกล้เวชยันตปราสาท มีอยู่ 8 เขต เขตที่ 2 อยู่วงกลาง แบ่งออกเป็น 10 เขต เขตที่ 3 อยู่วงนอกสุดแบ่งออกเป็น 14 เขต รวมเป็น 32 เขต เท่ากับจำนวนของพระสหายมาศึกษารายละเอียดของมหาสุทัสสนเทพนคร ซึ่งเป็นเมืองกลางสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นเทพนครขนาดใหญ่กว้างขวางมาก ปราสาทต่างๆ ล้วนเป็นแก้วอันเป็นทิพย์ มีกำแพงแก้วแวดล้อมมหานครอีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากสุทัสสนเทพนครมีความกว้างใหญ่ถึง 10,000 โยชน์ ทำให้มีประตูที่กำแพงแก้วถึง 1,000 ประตู และมียอดปราสาทอันสวยงามอยู่เหนือประตูทุกประตู เมื่อประตูเปิดแต่ละครั้งจะบังเกิดเสียงดนตรีทิพย์อันไพเราะกังวานเทพบุตรพร้อมเหล่าบริวารที่เกิดด้วยบุญของแต่ละท่านในท่ามกลางเทพนครนั้น มีเวชยันตปราสาทสูงถึง 1,000 โยชน์ มีความสวยงามสุดพรรณนา ล้วนแล้วประดับด้วยรัตนชาติ 7 ประการ เพราะเป็นที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ พระนครนั้นประกอบด้วยประตู 1,000 บาน ประกอบด้วยอุทยานสวรรค์และสระโบกขรณี ที่เรือนยอดของเวชยันต์ปราสาทซึ่งมีความสูง 700 โยชน์ ล้วนประกอบด้วยแก้ว 7 ประการทั้งสิ้น มีธงหลากสีประดับประดาอย่างสวยงาม ธงต่างๆ เหล่านั้นสูงถึง 300 โยชน์ ผุดขึ้นในท่ามกลางพระนคร ตรงไหนมีคันธงเป็นทองตัวธงจะเป็นแก้วมณี ผืนธงจะเป็นทองระยิบระยับ ถ้าคันธงเป็นแก้วประพาฬ ผืนธงจะเป็นแก้วมุกดา หากคันธงเป็นแก้ว 7 ประการ ผืนธงจะเป็นแก้ว 7 ประการ เหมือนกันเทพธิดาสุดสวยกับวิมานสุดอลังการด้วยบุญที่ตนเคยกระทำไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ออกจากเวชยันตปราสาทอันเป็นที่ประทับของพระอินทร์แล้ว ซึ่งมีความยิ่งใหญ่อลังการแล้ว ยังมีอุทยานสวรรค์เกิดขึ้นมากมายทิศตะวันออก มีอุทยานสวรรค์ชื่อ จิตรลดา ที่ใหญ่โตโอฬารมาก สวยงามกว่าสวนที่มีทั้งหมด มีเนื้อที่ประมาณ 500 โยชน์ มีสระโบกขรณี 2 สระ คือ จิตรโบกขรณี และจุลจิตรโบกขรณี เหตุที่สวนนี้ ชื่อจิตรลดา เพราะว่ามีเถาวัลย์ที่พิเศษซึ่งเป็นเถาชั้นยอดอยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า อาสาวดี เถาวัลย์ชนิดนี้ หนึ่งพันปีจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อออกผลก็จะออกเพียงผลเดียวเท่านั้น ครั้งออกผลแล้วจะส่งกลิ่นหอม ไม่แพ้ดอกปาริชาติ ดังนั้นเถาวัลย์นี้ จึงเป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของเหล่าทวยเทพ ต่างรอคอยดูผลของเถาวัลย์อาสาวดีนี้ทิศตะวันตก มีอุทยานสวรรค์ชื่อ นันทวัน ในสวนนี้ จะมีสระโบกขรณี 2 สระ คือ มหานันทาโบกขรณี และจุลลนันทาโบกขรณี และมีแท่นบรรทมสำหรับให้เทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ได้ทำการจุติด้วย ซึ่งเทพผู้เกิดจุตินิมิต จะมายังสวนนี้เพื่อทำการจุติ เหล่าทวยเทพสหายก็จะมาอำนวยอวยพรให้บังเกิดในสุคติภพต่อไปส่วนหนึ่งของวิมานผู้ที่ได้ถวายข้าวปลาอาหารแด่ภิกษุสงฆ์และได้บริจาคเงินเพื่อสร้างที่พักสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกอยู่เป็นประจำนอกจากนี้ที่สวนนันทวัน ยังมีดอกมณฑารพเกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นไม้ประจำสวนนันทวัน ดอกไม้นี้เคยตกจากสวรรค์ เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะที่พระองค์กำลังดับขันธปรินิพพาน ดอกมณฑารพมีสีเหลืองทอง มีรัศมีสวยงามมาก มีกลีบเท่าฉัตร ใบไม้ ละอองเกสรใหญ่เท่าทะนาน และในระหว่างสระก็มีสวน ในระหว่างสวนก็มีสระ สลับกันไปอย่างเป็นระเบียบ งดงาม สระแต่ละสระจะมีขนาดกว้างใหญ่ไม่เท่ากัน แต่ส่วนมากจะกว้างประมาณ 500 โยชน์ทิศเหนือ มีอุทยานสวรรค์ชื่อ มิสกวัน ภายในมีสระโบกขรณี 2 สระ คือ สุธรรมาโบกขรณี และธรรมาโบกขรณีทิศใต้ มีอุทยานสวรรค์ชื่อ ปารุสกวัน เป็นสวนสวยที่ใหญ่ที่สุดในทิศนี้ มีสระโบกขรณี 2 สระ คือ ภัททาโบกขรณี และสุภัททาโบกขรณีทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ในระหว่างสวนมิสกวันกับสวนนันทวัน มีสระบัวชื่อ ปทุมวัน ซึ่งมีความงามมาก ชาวสวรรค์มักจะพาไปเก็บดอกปทุมนี้ เพื่อไปบูชาพระจุฬามณีในวันพระ 8 ค่ำ 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ เป็นประจำทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในระหว่างสวนนันทวันกับสวนปารุสกวัน มีสระบัวชื่อ อุบลวัน เป็นสระ บัวสาย ที่มีชื่อเสียงมากมีเหล่านางอัปสรมารายล้อมในสวนนันทวันทิศตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างสวนปารุสกวันกับสวนจิตรลดา มีสระบัวชื่อ นิลุบลวัน เป็นสระบัวเขียว ณ บริเวณนี้ จะเป็นที่ประดิษฐานของพระมหาจุฬามณี บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าเทวดา ทั้งหลาย ซึ่งจะพากันมากราบไหว้บูชาด้วยทิพยบุปผาอยู่เป็นประจำ เพื่อเติมบุญบารมีให้กับตนเอง เพราะเมื่ออยู่บนสวรรค์แล้ว หมดสิทธิ์ทำความดี มีเพียงสถานที่เดียวที่จะก่อบุญกุศลได้ ชาวสวรรค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพุทธศาสนิกชน ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์อาจจะมีความเชื่อหลากหลาย เพราะความไม่รู้ ต่อเมื่อได้อยู่บนสวรรค์แล้ว จะรู้ด้วยตนเองว่า ทำบุญในพระพุทธศาสนาจึงจะถูกหลักแห่งการทำบุญ คือ ทำแล้วได้บุญมากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในระหว่างสวนมิสกวันกับสวนจิตรลดา จะมีสระบัวชื่อ ปุณฑริกวัน เป็นสระดอกบัวขาว ที่สวนนี้จะมีต้นปาริฉัตร ใต้ต้นปาริฉัตรจะมีบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ที่ประทับนั่งของพระอินทร์ และยังมีสุธรรมเทวสภา อันเป็นที่ประชุมของเหล่าเทวดาอีกด้วย เยื้องจากสุธรรมเทวสภา จะมีสระแก้วใส และมีป่ามหาวัน ที่ตรงนี้จะมีปราสาทพันหลังเกิดขึ้น สำหรับเป็นที่ประทับของพระอินทร์ และเหล่าทวยเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่ ที่เข้ามาเที่ยวชมอุทยานสวรรค์แห่งนี้บทความที่เกี่ยวข้องกับความงดงามในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในท่ามกลางเทพนครนั้น มีเวชยันตปราสาทสูงถึง 1,000 โยชน์ มีความสวยงามสุดพรรณนา ล้วน แล้วประดับด้วยรัตนชาติ 7 ประการ เพราะเป็นที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ
บทความ Articles > ตายแล้วไปไหน Life After Death > สวรรค์[ 31 พ.ค. 2554 ] - [ : 18279 ]
|
Share Facebook |
<< ก่อนหน้า | ความรัก ความเป็นอยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา | การเลือกคู่และการรับน้องใหม่ที่ดาวดึงส์ | ถัดไป >> |
|