ตายแล้วไปไหนชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไรเรื่องของชาวสวรรค์สวรรค์ชั้นต่างๆ มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายไม่ต้องขวนขวายเหมือนโลกมนุษย์เหตุให้ได้นามของชาวสวรรค์ในเมืองมนุษย์มีการตั้งชื่อ นามสกุล ใช้เป็นนามสมมุติสำหรับเรียกขานชื่อคน สัตว์ สิ่งของ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการสื่อสารกัน การตั้งชื่อในเมืองมนุษย์ก็ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน บางคนตั้งชื่อโดยดูจากวันเดือนปีเกิดของคนนั้นบ้าง ตั้งชื่อตามสถานที่เกิดบ้าง ตั้งชื่อตามความสะดวกบ้าง แต่เนื่องจากชาวสวรรค์ มีความเป็นอยู่ที่สุขสบายไม่ต้องขวนขวายเหมือนมนุษย์ ฉะนั้นเรื่องการบังเกิดขึ้นของบริวาร วิมาน ทิพยสมบัติทั้งหลายก็ดี จะเกิดด้วยอำนาจแห่งบุญ แม้แต่การบังเกิดขึ้นของชื่อของเหล่าเทวดา ก็มีเหตุแห่งการเกิดของชื่อได้อย่างน้อย 5 ประการ ดังนี้ประการที่ 1 เกิดขึ้นตามชื่อในขณะที่สั่งสมบุญ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เช่น ชื่อมฆมานพ ได้ชวนสหาย 33 คนสร้างศาลา สร้างถนน สร้างสะพาน บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคม พอท่านไปเกิดเป็นพระราชาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่านได้ชื่อว่า ท้าวมฆวานประการที่ 2 เกิดตามธรรมที่ประพฤติ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เช่น เทวบุตรองค์หนึ่ง ชื่อ ขันติกเทวบุตร เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ประพฤติขันติธรรม คือ มีความอดทนตลอดชีวิตของท่าน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็อาศัยความอดทนเป็นพื้นฐาน เมื่อละโลกแล้ว บังเกิดบนสวรรค์จะมีส่วนแห่งนามว่า ขันติกเทวบุตรประการที่ 3 เกิดตามวัตถุทานที่นำไปถวายสงฆ์ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เช่น ในสมัยพุทธกาลมีหญิงคนหนึ่งนำข้าวตอกไปถวายพระมหากัสสปะ ถวายเสร็จได้ถูกงูพิษกัดตาย เมื่อไปเกิดบนสวรรค์ วิมานมีข้าวตอกและรัตนชาติแขวนประดับเต็มไปหมด เทพธิดานั้น ได้ชื่อว่า ลาชธิดา หรือเทพธิดาข้าวตอก อีกตัวอย่างหนึ่ง มีเทวบุตรชื่อ ปทุมฉัตร เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้นำดอกบัวไปบูชาพระเจดีย์ เมื่อละโลกได้บังเกิดบนสวรรค์มีดอกบัวเป็นร่มฉัตรกางกั้นตลอดเวลาประการที่ 4 เกิดตามบุญพิเศษที่ได้ทำครั้งเป็นมนุษย์ เป็นบุญพิเศษที่ทำแตกต่างจากที่ผู้อื่นทำ เช่น มีเทวบุตรองค์หนึ่ง ครั้งเป็นมนุษย์ได้ถวายยานพาหนะแด่เนื้อนาบุญ เมื่อละโลกแล้ว เมื่อได้บังเกิดบนสวรรค์ จะมีราชรถใหญ่บังเกิดขึ้น เป็นที่ประทับไปในเทวสมาคม ก็จะมีชื่อที่เกี่ยวกับยานพาหนะประการที่ 5 เกิดขึ้นโดยตำแหน่ง เช่น บุคคลใดที่มีบุญมากกว่าใครทั้งหมดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็มีชื่อว่าพระอินทร์ หรือ ผู้มีบุญมากที่สุดบนสวรรค์ชั้นยามา ก็มีชื่อว่า ท้าวสุยามา เป็นต้นการสั่งสมบุญนำสุขมาให้ ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า หมายถึงทั้งในชาตินี้ และในชีวิตหลังความตายลำดับขั้นการทำความดีของมนุษย์บุคคลที่จะถือกำเนิดบนสวรรค์นั้น เมื่อเป็นมนุษย์ต้องหมั่นสร้างความดี สั่งสมบุญ บำเพ็ญบารมี หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น ผลแห่งความดีนั้นจะนำให้ไปเกิดบนสวรรค์ ซึ่งจะได้เสวยทิพยสมบัติที่ละเอียดประณีตแตกต่างกัน มีรัศมีกาย มากน้อยต่างกันเพียงไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการทำความดี ซึ่งพอจะแบ่งได้เป็น 4 ประการ ดังต่อไปนี้1. ทำความดีเพราะความกลัว คือทำความดีเผื่อเอาไว้ว่า หากมีนรกจริง ความดีนี้ก็จะช่วยตนให้ไม่ต้องตกนรกได้ อย่างนี้ ทำความดีได้ไม่เต็มที่ อุปมาเหมือนเด็กอนุบาลทำดีเพราะกลัวครู หรือพ่อแม่ตี เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นได้เพียงภุมมเทวา รุกขเทวา หรืออากาสเทวา2. ทำความดีเพราะหวังสิ่งตอบแทน เมื่อทำความดีครั้งใด ใจจะคอยแต่คิดหวังลาภหรือของรางวัลต่างๆ กลับคืนมา อุปมาเหมือนเด็กประถมทำดีเพื่อให้ครูแจกขนมหรือให้พ่อแม่ซื้อของเล่นให้ เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดาไม่สูงไปกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา3. ทำความดีเพราะหวังคำชม ต้องได้รับคำสรรเสริญจึงจะมีกำลังใจทำความดี อุปมาเหมือนเด็กมัธยมทำดีเพราะอยากได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดา ไม่สูงไปกว่าสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา4. ทำความดีเพื่อความดี คือทำความดีเพราะคิดว่านั่นเป็นความดี เป็นสิ่งที่ควรทำ ใครจะให้หรือไม่ให้ของใดๆ ก็ยังทำความดี ใครจะชมหรือไม่ชมก็ยังทำความดี เพราะมั่นใจในความดีที่ตนทำ อุปมาเหมือนนักศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ทำดีเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ เมื่อละโลกแล้วผลบุญส่งให้ไปเป็นเทวดาตั้งแต่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับความประณีตของใจในขณะทำความดีรับชมวิดีโอบทความที่เกี่ยวของกับเรื่องของชาวสวรรค์
เรื่องของชาวสวรรค์
บุคคลที่จะถือกำเนิดบนสวรรค์นั้น เมื่อเป็นมนุษย์ต้องหมั่นสร้างความดี สั่งสมบุญ บำเพ็ญบารมี หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
บทความ Articles > ตายแล้วไปไหน Life After Death > สวรรค์[ 23 พ.ค. 2554 ] - [ : 18259 ]
|
Share Facebook |
<< ก่อนหน้า | การอุบัติและการจุติของชาวสวรรค์ | ทำบุญใดถึงได้ไปสวรรค์ในแต่ละชั้น | ถัดไป >> |
|